สุดยอด 10 อันดับเบียร์แพงที่สุดในโลก ที่คุณเห็นราคาแล้วจะต้องตะลึง
หลายๆคนที่ชื่นชอบการทานเบียร์อาจจะชอบบทความนี้ก็เป็นได้ เพราะนี่คือสุดยอดเบียร์ที่คุณต้องลิ้มลองให้ได้ในชีวิตนี้ ว่ากันว่ามันเป็นสุดยอดเบียร์ที่มีส่วนผสมที่สุดยอด แต่ต้องขออุบไว้ก่อนว่าผสมอะไรบ้าง และด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นเบียร์สูตรพิเศษ มันก็เลยมีราคาแพงตามไปด้วยเป็นธรรมดา วันนี้เราจะพาไปดูกันครับว่าเบียร์ที่ว่าเป็นสุดยอดของเบียร์และมีราคาแพงที่สุด 10 อันดับของโลก จะเป็นเบียร์อะไร มีส่วนผสมอะไร และมาจากประเทศอะไร ลองไปดูกันครับ
อันดับที่ 10
ชื่อเบียร์ : ซัปโปโร บริวเวอรี่ สเปซ บาร์ลี่ย์ (Sapporo Brewery Space Barley — ญี่ปุ่น)
ราคา : 100 เหรียญสหรัฐต่อ 6 ขวด หรือราวๆขวดละ 550 บาท
เบียร์ซัปโปโร สเปซ บาร์ลี่ย์ มีข้าวบาร์เลย์ที่ปลูกบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นวัตถุดิบสำคัญ จึงทำให้มันมีราคาแพงลิบลิ่ว
อันดับที่ 9
ชื่อเบียร์ : ตุตันคามุน เอล (Tutankhamun Ale — สกอตแลนด์)
ราคา : 80-100 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 2,640-3,300 บาทต่อขวด
นักโบราณคดีค้นพบห้องหมักเบียร์จำนวนหนึ่งในระหว่างการสำรวจหลุมฝังพระศพของฟาโรห์ตุตันคามุน และได้นำเชื้อหมักเบียร์โบราณที่หลงเหลือในห้องเหล่านั้นมาผลิตเป็นตุตันคามุน เอล แต่หากคุณจะดื่มเบียร์นี้ไม่ต้องกลัวคำสาปฟาโรห์นั่นหรอกนะ คิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก(มั้ง)
อันดับที่ 8
ชื่อเบียร์ : คราวน์ แอมบาสซาเดอร์ รีเซิร์ฟ (Crown Ambassador Reserve — ออสเตรเลีย)
ราคา : 100 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 3,300 บาทต่อขวด
เบียร์สัญชาติออสเตรเลียยี่ห้อนี้ทำออกมาสวยหรูดูดี แต่น่าเสียดายที่ทั่วโลกยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก มันมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ และเป็นเบียร์ที่หาดื่มยากในสหรัฐอเมริกา
อันดับที่ 7
ชื่อเบียร์ : บริวด็อก แทคทิเคิล นิวเคลียร์ เพนกวิน (BrewDog Tactical Nuclear Penguin — สกอตแลนด์)
ราคา : 200 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 6,600 บาทต่อขวด
เบียร์สกอตแลนด์ขวดนี้เป็นสุดยอดผลงานความพยายามของโรงงานบริวด็อกที่ต้องการผลิตเบียร์ให้มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์สูงที่สุดในโลก โดยมีระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ 32 เปอร์เซ็นต์ หากคุณอยากจะลองดื่ม เราไม่แน่ใจว่าคุณจะดื่มมันได้ถึง 2 ขวดหรือเปล่า
อันดับที่ 6
ชื่อเบียร์ : ซามูเอล อดัมส์ ยูโทเปียส์ (Samuel Adams Utopias — สหรัฐอเมริกา)
ราคา : 250 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 8,250 บาทต่อขวด
นี่เป็นเบียร์สัญชาติอเมริกันยี่ห้อแรกที่ติดอันดับในลิสต์ Top 10 นี้ มันได้รับการขนานนามจากผู้ผลิตว่า เป็นเบียร์ที่ไม่เหมือนเบียร์อื่นใดในโลก อย่างไรก็ตาม เบียร์ชนิดนี้ไม่ใช่เบียร์หายากแต่อย่างใด และมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 28 เปอร์เซ็นต์
อันดับที่ 5
ชื่อเบียร์ : ชอรค์เบร๊า ชอรค์บ็อค ฟิฟตี้เซเว่น (Schorschbräu Schorschbock 57 — เยอรมนี)
ราคา : 300 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 9,900 บาทต่อขวด
ชอรค์เบร๊า ชอรค์บ็อค ฟิฟตี้เซเว่น มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 57 เปอร์เซ็นต์ ประจวบกับการที่โรงงานเบียร์ชอรค์เบร๊าผลิตเบียร์ชนิดนี้ออกมาแค่ 36 ขวดต่อปียิ่งทำให้ราคาถีบตัวขึ้นสูงตามขึ้นไปด้วย ว่ากันว่ามันเป็นสุดยอดเบียร์ที่มีรสชาติเข้มข้นมาก
อันดับที่ 4
ชื่อเบียร์ : คาร์ลส์เบิร์ก จาคอบเซ่น วินเทจ นัมเบอร์วัน (Carlsberg Jacobsen Vintage No. 1 — เดนมาร์ก)
ราคา : 380 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 12,540 บาท
เบียร์ชนิดถูกหมักด้วยมอลต์ชนิดพิเศษ 3 ชนิดคือ มาริส อ็อตเตอร์ พาเล่มอลต์, มาริส อ็อตเตอร์ อิมพีเรียลมอลต์ และ คาราเมล์มอลต์ เจ้าเบียร์สัญชาติเดนมาร์คนี้มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 10.5 เปอร์เซ็นต์ และบ่มในถังไม้โอ๊กสวีเดนและฝรั่งเศสเป็นเวลาหกเดือน
อันดับที่ 3
ชื่อเบียร์ : บริวด็อก เอ็นด์ ออฟ ฮิสทอรี่ (BrewDog End of History — สกอตแลนด์)
ราคา : 850 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 28,050 บาทต่อขวด
เจ้าเบียร์อันน่าประหลาดนี้มีแอลกอฮอลล์สูงมากถึง 55% และมีสีบลอนด์เบลเยี่ยม เนื่องจากมันมีเทคนิคการผลิตที่ยุ่งยาก เบียร์บริวด็อก เอ็นด์ ออฟ ฮิสทอรี่ จึงมีออกมาแค่ 11 ขวดเท่านั้น ทั้งนี้ ขวดเบียร์ถูกบรรจุอยู่ในกระรอกที่ถูกสตัฟฟ์ไว้
อันดับที่ 2
ชื่อเบียร์ : วีลล์ บอง เซ็คเกอส์ เอล (Vielle Bon Secours Ale — เบลเยี่ยม)
ราคา : 1,000 เหรียญสหรัฐต่อขวด หรือราวๆ 33,000 บาทต่อขวด
เบียร์ขวดนี้มีแอลกอฮอลล์อยู่ที่ 8 เปอร์เซ็นต์ คุณสามารถหาซื้อเบียร์ชนิดนี้ได้ที่ร้านไบเออร์โดมในลอนดอนเท่านั้น (เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสับสนกับทันเดอร์โดมแห่ง Mad Max Fame) นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เบียร์มีราคาแพงมากขนาดนี้
อันดับที่ 1
ชื่อเบียร์ : แอนตาร์กติก เนล เอล (Antarctic Nail Ale — ออสเตรเลีย)
ราคา : 2,000 เหรียญสหรัฐขึ้นไปต่อขวด หรือราวๆ 66,000 ขึ้นไปต่อขวด
โรงงานเบียร์ในออสเตรเลียผลิตแอนตาร์กติก เนล เอล เพื่อระดมทุนและมอบรายได้ให้กับมูลนิธิอนุรักษ์วาฬ โดยชื่อเบียร์มีที่มาจากส่วนผสมที่ใช้ก้อนน้ำแข็งที่สกัดออกมาจากภูเขาน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติก ไม่รู้ว่าได้ดื่มแล้วจะเย็นเหมือนได้ไปอยู่ทวีปแอนตาร์กติกหรือเปล่า ใครลองแล้วช่วยมาบอกด้วยล่ะ
แหล่งที่มา : Chilledmagazine