เรื่องล่าสุด

‘ฮิปสเตอร์’ คำพูดติดปาก แต่ประวัติต้องย้อนไปเกือบ 100 ปี

คำว่า ฮิปสเตอร์ หรือ Hipster จริงๆแล้วมีการใช้มานานแล้วในประเทศทางตะวันตก แต่คำนี้พึ่งจะมาฮิตในไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง โดยในปัจจุบันคำว่า ฮิปสเตอร์ ค่อนข้างจะกำกวมพอสมควร โดยทั่วไปแล้ว ใช้เรียกกลุ่มคนที่ทำตัวไม่เหมือนกับคนอื่นในสังคม แตกต่างจากคนอื่น มีมุมมองที่ต่างจากคนอื่น รวมถึงรสนิยมในการใช้ชีวิต มีปรัชญาของตัวเอง ไม่ตามกระแสใครๆ และมักถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ใช้ชิวิตแบบเรียบง่าย ไม่รีบเร่ง ปั่นจักรยาน จิบกาแฟ อ่านหนังสือ ชอบการถ่ายรูป ฯลฯ โดยกลุ่มที่ถูกเรียกว่าชาวฮิปสเตอร์ก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่หรอก เพราะเขาอาจจะเพียงไม่ต้องการตามกระแสสังคมเท่านั้น ทำให้คำนี้กลายเป็นคำในเชิงทำนองดูถูก กระแซะ เสียมากกว่า ซึ่งอันที่จริงมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นเลย

tumblr_nnj7yxohDC1uqw9t8o1_1280ภาพจาก : hipster.cricket

เอาจริงๆแล้วคำว่าฮิปสเตอร์มีประวัติมาอย่างยาวนานและอาจจะมากกว่าอายุใครหลายๆคนเสียอีก จะเป็นอย่างไรวันนี้ MeePanda.com จะพาไปดูครับว่าประวัติมันมีที่มาอย่างไร

6a00d834515c6d69e200e54f283ba28833-640wi

ภาพจาก : phillips.blogs.com

คำว่าฮิปเตอร์จริงๆแล้วมันเป็นวัฒนธรรมย่อยในปี 1940 นู่นครับ และลุกลามมาจนเป็นต้นกำเนิดของพวกกลุ่ม ฮิปปี้ (Hippie) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมย่อยอีกที เป็นกลุ่มการเคลื่อนไหวทางสังคมของชาวหนุ่มสาวในยุคปี 1960 มีการรวมตัวกันครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และเผยแพร่วัฒนธรรมเหล่านี้ออกไปทั่วโลก โดยกลุ่มหนุ่มสาวเหล่านี้จะใช้ชีวิตและทำตัวต่างจากคนในสังคม ต่อต้านพวกวัตถุนิยม มีเงินพอที่จะใช้ดำรงชีวิตเท่านั้น เบื่อที่จะอยู่ในโลกของการเข้าสังคมทุนนิยม ไม่โกนหนวดโกนเครา ปล่อยผมยาว เสื้อผ้าเก่ารุ่งริ่ง ต่อต้านสงคราม ในช่วงที่มีสงครามเวียดนาม ต้องการความสงบ เปิดเผยเรื่องเพศ นิยมดนตรีร็อค มีความสนใจด้านศิลปะ ยาเสพติด กัญชา LSD และ เห็ดเมา

hippie-commune-busภาพจาก : talesmaze.com

ซึ่งกลุ่มของชาวฮิปปี้ส่วนใหญ่แล้วมักจะไปรวมตัวกันที่ ซานฟรานซิสโก รัฐหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งคนเหล่านี้จะเรียกตัวเองว่ากลุ่ม Flower Peaple / flower Children / Flower Child หรือที่เราเคยได้ยินกันมาว่า "บุปผาชน" นั่นแหละครับ โดยต้องการสื่อถึงการต่อต้านความรุนแรง มีการหยิบยื่นดอกไม้ให้กับผู้อื่น ผู้ควบคุมกฏหมายบ้านเมือง หรือแม้กระทั่งผู้ตัดสินคดีความที่ทำการตัดสินสิ่งที่พวกเขาทำด้วย

originalภาพจาก : imagekb.com

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ เพราะมันถูกบันทึกไว้เป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกเลยก็ว่าได้ หากจะบอกว่าดินแดนฮิปปี้ที่มีเรื่องราวมากมายก็คงหนีไม่พ้น ซานฟรานซิสโก นั่นแหละครับ เพราะในช่วงที่ชาวฮิปปี้โด่งดังสุดๆไปทั่วโลกนั้น เกิดเหตุการณ์ Summer Of Love ขึ้น เหล่าบรรดาฮิปปี้ทั่วโลกต่างพากันหลั่งไหลเข้าสู่ซานฟรานซิสโก เพื่อไปร่วมชุมนุมเหล่าฮิปปี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเทศกาลวู๊ดสต็อก จนเรื่องราวนี้ทำให้เกิดเป็นเพลง San Francisco ของ Scott McKenzie นั่นเองครับ ซึ่งเนื้อเพลงโดยคร่าวๆที่หยิบยกมาเพียง 1 ท่อน พอสังเขปดังนี้

 

If you're going to San Francisco

Be sure to wear some flowers in your hair

If you're going to San Francisco

You're gonna meet some gentle people there

For those who come to San Francisco

Summertime will be a love-in there

In the streets of San Francisco

Gentle people with flowers in their hair


ถ้าคุณจะไปซานฟรานซิสโก

คุณต้องแน่ใจว่าคุณได้สวมดอกไม้ไว้ที่หัวแล้ว

ถ้าคุณจะไปซานฟรานซิสโก

คุณจะได้พบกับผู้คนที่สุภาพอ่อนโยนที่นั่น

สำหรับทุกคนที่จะไปซานฟรานซิสโกนะ

ฤดูร้อนเป็นอะไรที่ผู้คนชอบกันมากเลยล่ะที่นั่น

บนถนนในซานฟรานซิสโก

คุณจะได้พบกับสุภาพชนกับดอกไม้ที่สวมไว้บนหัวที่นั่น

 

จากเนื้อเพลงและภาพประกอบวิดีโอ คงจะบอกอะไรได้หลายๆอย่างในยุคนั้น หากคุณลองฟังเพลงแล้วจะรู้ว่าจริงๆมันคือเรื่องราวของชาวฮิปปี้ในยุคนั้นนั่นเอง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จากประวัติศาสตร์ของชาวฮิปปี้เหล่านี้ มีเรื่องเล่ามากมายว่าหลังจากช่วงที่สงคราวเวียดนามจบลง ชาวฮิปปี้ก็เริ่มแยกย้ายกันไปตามทางต่างๆ บ้างก็กลับบ้านไปหาครอบครัว บ้างก็เดินทางไปต่างแดน บ้างก็จบชีวิตด้วยการเข้าไปอยู่ในตาราง หรืออาจจะเป็นคนข้างถนนนั่นเอง

tumblr_mxmjjhgXPz1r4lawno1_500ภาพจาก : rebloggy.com

กลับมาในเรื่องของฮิปสเตอร์ อันที่จริงแล้วเราอาจจะให้ความสำคัญกับคำพูดนี้ไปเอง การวางตัวให้อยู่ในความดี ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไม่เดือดร้อนใคร และรับผิดชอบเรื่องของตัวเองให้ดีที่สุด เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นฮิปสเตอร์หรือถูกเรียกว่าฮิปสเตอร์ก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้วล่ะครับ